2568 นี้ดีขึ้นแน่! 4 การเปลี่ยนแปลงสำคัญในระบบประกันสังคม
การปฏิรูประบบประกันสังคมในปี 2568 ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นในจำนวนโครงการสวัสดิการที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับปรุงการเข้าถึงบริการ ความยืดหยุ่น และความเป็นมนุษย์โดยรวมอีกด้วย ประชาชนทุกประเภทสามารถได้รับการคุ้มครองที่แม่นยำยิ่งขึ้นภายใต้นโยบายใหม่ ดังต่อไปนี้:

สถานะของกองทุน ณ สิ้นปี 2024
กองทุนประกันสังคมมีเงินสะสมมากกว่า 2.6 ล้านล้านบาท
โดยเฉพาะกองทุนชราภาพที่มีการลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 98,974 ล้านบาท
และกองทุนเงินทดแทนมีเงินลงทุนรวม 81,538 ล้านบาท ซึ่งสร้างรายได้กว่า 8,440 ล้านบาท ในปีเดียว
จำนวนผู้ประกันตนครอบคลุม:
ผู้ประกันตนมาตรา 33 (ลูกจ้างในระบบ): 12.07 ล้านคน
มาตรา 39 (ลาออกแต่กลับเข้าระบบ): 1.72 แสนคน
มาตรา 40 (แรงงานนอกระบบ): 11.01 ล้านคน
4 สิทธิประโยชน์ใหม่ เริ่มใช้ในปี 2025
1. เบี้ยเลี้ยงบุตรเพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือนต่อคน
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ผู้ประกันตนที่มีบุตรอายุไม่เกิน 6 ปี (สูงสุด 3 คน) จะได้รับเงินอุดหนุนคนละ 1,000 บาทต่อเดือน โดยไม่ต้องยื่นใหม่หากเคยได้รับสิทธิอยู่แล้ว
2. รักษาโรคมะเร็งได้ทุกที่ ไม่ต้องจำกัดโรงพยาบาลประกันสังคม
โรงพยาบาลที่ร่วม MOU กับสำนักงานประกันสังคมกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ จะสามารถรองรับการรักษาผู้ป่วยมะเร็งทุกกลุ่มสิทธิได้ รวมถึงการใช้ยาราคาแพงประเภท Targeted Therapy
3. เงินชดเชยกรณีว่างงานจาก 50% เป็น 60% ของค่าจ้าง
เริ่มใช้ในปี 2025 โดยไม่ต้องทำเรื่องใหม่ ผู้ที่ถูกเลิกจ้างจะได้รับเงินชดเชยเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ
4. ทันตกรรมเบิกได้ปีละ 900 บาท และใช้รักษาขั้นสูงได้
เบิกได้ทุกปี และหากปีใดไม่ได้ใช้ สามารถสะสมสิทธิไว้ใช้ในอนาคตได้ รวมถึงสามารถนำไปใช้ในบริการทันตกรรมเชิงรุก เช่น การฝังรากฟัน
โรงพยาบาลใหม่เข้าร่วมโครงการปี 2025
มีโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนเข้าร่วมเพิ่มเติม เช่น:
โรงพยาบาลจุฬาภรณ์
โรงพยาบาลราชวิถี 2
โรงพยาบาลบางขุนเทียน
โรงพยาบาลพญาไท 2 ชลบุรี
โรงพยาบาลราชธานี สระบุรี
รวมทั้งหมดกว่า 271 แห่งทั่วประเทศ
การปรับกฎหมายและสิทธิในปี 2025
อายุสมัคร มาตรา 33 จากเดิมไม่เกิน 60 ปี ขยายเป็น 65 ปี
ผู้ที่ลาออกแล้ว สามารถสมัครใหม่ในมาตรา 39/1 ได้
สิทธิรับเบี้ยเลี้ยงบุตรยังคงได้รับต่อเนื่อง 6 เดือนหลังลาออก
วันลาคลอดเพิ่มขึ้นจากเดิม 90 วัน เป็น 98 วัน
สิทธิเงินทดแทนกรณีทุพพลภาพเพิ่มจาก 50% เป็น 70%
กรณีว่างงานก่อนวัยเกษียณ จะได้รับเงินจนถึงอายุ 60 ปี
มีบริการรักษาแบบ "ผ่าตัดแผลเล็ก" ครอบคลุม 76 กลุ่มโรคสำคัญ และใช้เวลารักษาไม่เกิน 28 วัน
แนวทางปรับเพิ่มฐานค่าจ้างและเงินสมทบในอนาคต
ปี 2026–2028: ปรับฐานค่าจ้างเป็น 17,500 บาท สมทบสูงสุด 875 บาทต่อเดือน
ปี 2029–2031: ฐานค่าจ้าง 20,000 บาท สมทบสูงสุด 1,000 บาท
ปี 2032 เป็นต้นไป: ฐานค่าจ้าง 23,000 บาท สมทบสูงสุด 1,150 บาท
การปรับเหล่านี้เพื่อให้ระบบมั่นคงและรองรับการดูแลผู้ประกันตนในอนาคตได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
พัฒนาการด้านบริการทางการแพทย์
เริ่มใช้ระบบรักษาแบบผ่าตัดแผลเล็กภายใต้ Sandbox ในปี 2025 ครอบคลุม 76 โรค เช่น นิ่วในถุงน้ำดี ไส้เลื่อน นิ่วในไต ฯลฯ โดยผู้ป่วยไม่ต้องนอนโรงพยาบาลเกิน 1 คืน และสามารถเบิกสิทธิได้จากสถานพยาบาลในระบบ
บทสรุป
ปี 2025 ถือเป็นก้าวสำคัญของระบบประกันสังคมไทยในการเพิ่มสิทธิประโยชน์ ดูแลผู้ประกันตนอย่างรอบด้านทั้งเรื่องสุขภาพ ครอบครัว รายได้ยามว่างงาน และความมั่นคงหลังเกษียณ รวมถึงวางแผนระยะยาวเพื่อรองรับสังคมสูงวัยที่กำลังจะมาถึง
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนประกันสังคม โทร. 1506 กด 1 หรือสำนักงานใกล้บ้านคุณ
